LUIZ NIKI STADIUM: FROM THE COLD WAR TO THE WORLD CUP HOST


ลุซนิกิสเตเดียม (Luzhniki stadium) ตั้งอยู่ในกรุงมอสโก ริมน้ำมอสโก ปฏิบัติภารกิจเป็นสนามหลักปฏิบัติหน้าที่แข่งบอลโลก “รัสเซีย ๒๐๑๘"


ตอนวันที่ ๒๕ เดือนธันวาคม คริสต์ศักราช๑๙๙๑ มิคาอิล กอร์บาชอฟ หัวหน้าโซเวียตออกคำอธิบายยกเลิกตำแหน่งผู้นำและก็สารภาพการจบการรวมศูนย์อำนาจบริหารประเทศของรัฐบาลกึ่งกลาง ส่งต่ออำนาจให้รัฐบาลรัสเซียที่มีผู้นำบอริส เยลต์สินเป็นหัวหน้า พรุ่งนี้ชาติยักษ์ใหญ่ที่ค่ายระบอบคอมมิวนิสต์ก็ถึงเวลาล่มสลาย UFABET เปลี่ยนเป็นเมืองเอกราชเยอะมาก เช่น รัสเซียยูเครน อาร์เมเนีย อาร์เซอร์ไบจาน อื่นๆอีกมากมาย


ก่อนจบสมัยสงครามเย็นเมื่อต้นทศวรรษที่ ๙๐ รัสเซียจัดเป็นอภิมหาอำนาจของโลกทั้งยังด้านการเมืองเศรษฐกิจ สังคม วิทยาศาสตร์ ด้านการกีฬาเคยผ่านแนวทางการทำหน้าที่ผู้จัดงานมหกรรมกีฬาที่มนุษย์ชาติอย่างโอลิมปิกหน้าร้อน คริสต์ศักราช๑๙๘๐ มาแล้ว


เมื่อครั้งรัสเซียสู้หน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิกหน้าร้อน คริสต์ศักราช๑๙๘๐ ลุซนิกิสเตเดียมถูกใช้เป็นสนามกีฬาหลักปฏิบัติงานแข่ง เป็นอีกทั้งสถานที่จัดพิธีการเปิดรวมทั้งพิธีการปิด


ลุซนิกิสเตเดียม (Luzhniki stadium) ตั้งอยู่ในกรุงมอสโก ริมน้ำมอสโก ฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยมอสโก คำว่า “ลุซนิกิ" ซึ่งก็คือท้องทุ่งโล่งกว้างบนที่ราบลุ่มแม่น้ำใส่รับกับภาวะพื้นที่ตั้งของสนามที่อยู่ริมน้ำมอสโก เริ่มสร้างเมื่อปี คริสต์ศักราช๑๙๕๕ เสร็จแล้วก็เปิดใช้งานคราวแรกวันที่ ๓๑เดือนกรกฎาคม คริสต์ศักราช๑๙๕๖ เดิมชื่อว่า สนามกีฬากึ่งกลางเลนิน (Central Lenin Stadium คริสต์ศักราช๑๙๕๖-๑๙๙๒) ตามชื่อ วลาดีมีร์ เลนิน นักปฏิวัติคนสำคัญของรัสเซีย หัวหน้าพรรคบอลเชวิกยกเลิกระบบกษัตริย์ ทำลายรัฐบาลของจักรพัตราธิราชนิโคลัสที่ ๒ เริ่มเมืองสังคมนิคมหรือระบอบคอมมิวนิสต์

ภายหลังจากรัสเซียล่มสลายเมื่อท้ายปี คริสต์ศักราช๑๙๙๑ สนามกีฬาหลักของโซเวียตแล้วก็รัสเซียถูกแปลงชื่อเป็นลุซนิกิสเตเดียม ถ้าเกิดแต่ว่ารูปปั้น วลาดีมีร์ เลนิน “เอกบุคคล" ที่ดินแดนข้างหลังม่านเหล็กยังคงสะดุดตาอยู่รอบๆหน้าสนาม ตัวอย่างเช่นเดียวรูปปั้นของเขาตามสถานที่ต่างๆมีคาดว่ามีมากยิ่งกว่า๖,๐๐๐ ที่ทั้งประเทศ



เดิมรองรับแฟนบอลได้นับแสนคน แม้กระนั้นภายหลังสนามฟุตบอลในยุโรปยกเลิกตั๋วยืน แล้วก็ได้รับการบูรณะ เวลานี้รองรับแฟนบอลได้ ๘๑,๐๐๐ ที่นั่ง

เมื่อรัสเซียแบ่งได้ประเทศต่างๆรัสเซียซึ่งนับว่าเป็นประเทศหัวหน้าของชาติสมัยก่อนรัสเซียยังคงได้รับความเชื่อมั่นให้จัดแจงชิงชัยกีฬาสำคัญสุดยอดหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นบอลยูฟ่าคัพนัดหมายชิงแชมป์ปีคริสต์ศักราช๑๙๙๙ บอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก นัดหมายชิงแชมป์ คริสต์ศักราช๒๐๐๘ การแข่งขันชิงชัยกรีฑาชิงชนะเลิศโลก คริสต์ศักราช๒๐๑๓ ซึ่งทั้งคู่รายการต่างจัดขึ้นที่ลุซนิกิสเตเดียม


เว้นเสียแต่ “รับใช้ชาติ" ด้วยวิธีการทำหน้าที่เป็นสนามเหย้าให้กับกลุ่มชาติโซเวียตรวมทั้งกลุ่มชาติรัสเซียมายาวนาน ลุซนิกิสเตเดียมยังเปิดให้สมาพันธ์บอลของรัสเซียที่ตั้งอยู่ในกรุงมอสโก ดังเช่น สปาตัก มอสโกซีเอสเอเค มอสโก เช่าเป็นไทยเหย้า ลงเล่นบอลลีกภายในประเทศแล้วก็บอลสมาคมยุโรปด้วย

สถิติผู้ชมสูงสุดของลุซนิกิสเตเดียมเกิดขึ้นสำหรับเพื่อการแข่งระดับประเทศ ช่วงวันที่ ๑๓ ต.ค. ๑๙๖๓


กลุ่มชาติรัสเซียอยู่ในฐานะ “แชมป์ยุโรป" พึ่งจะคว้าชัยชนะบอลแห่งชาติยุโรป คริสต์ศักราช๑๙๖๒ หรือ“ยูโร ๖๒" มาหมาดๆลงเผดียงหน้าแข้งกับกลุ่มชาติอิตาลีแขก


สมัยนั้นสนามฟุตบอลในยุโรปยังอนุญาตให้แฟนบอลยืนดูการประลอง สนามฟุตบอลก็เลยสามารถรองรับแฟนบอลได้มากกว่าปัจจุบันที่ตั๋วทั้งหมดทั้งปวงเป็นตั๋วนั่ง

บันทึกว่าการชิงชัยนัดหมายนั้นมีผู้เข้าชมมากถึง๑๐๒,๕๓๘ คน ผลของการแข่งขันโซเวียตชนะอิตาลี๒-๑ ประตู



ตราไปรษณียากรของที่ระลึกข้างหลังโซเวียตรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก คริสต์ศักราช๑๙๘๐ โดยมีลุซนิกิสเตเดียมปฏิบัติหน้าที่เป็นสนามกีฬาหลัก เวลานั้นยังคงใช้ชื่อว่า “สนามกีฬากึ่งกลางเลนิน" (Central Lenin Stadium)

หากแม้เคยสู้หน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาครั้งสำคัญมาหลายครา แม้กระนั้นการเป็นเจ้าภาพบอลโลกน่าจะเป็นความหวังสูงสุดของชาวรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วลาดิภรรยาร์ ปูว่ากล่าวน ผู้นำรัสเซียผู้ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้นำประเทศในตอนรอยต่อสหัสวรรษใหม่


ภายหลังจากรัสเซียตั้งตัวได้ด้านการเมืองและก็เศรษฐกิจ ผู้นำประเทศคนนี้มีความคิดเห็นว่าบอลโลกน่าจะเป็นเวทีที่ช่วยทำให้ผู้คนทั่วโลกรู้จักรวมทั้งเห็นด้วยรัสเซีย ก็เลยดำเนินเรื่องเสนอตัวเป็นเจ้าภาพบอลโลก ใช้สนามหลักเป็นลุซนิกิสเตเดียมในกรุงมอสโก


ธ.ค. คริสต์ศักราช๒๐๑๐ สมาคมสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างชาติจัดงานประกาศผลผู้จัดงานบอลโลก ๒๐๑๘ อย่างเป็นทางการ รัสเซียเอาชนะตัวเก็งอย่างอังกฤษได้อย่างกลับความมุ่งหวัง ส่งผลให้เกิดภาระหน้าที่งานยิ่งใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้า เป็นการแก้ไขสนามกีฬาในขณะที่มีอยู่แล้วแล้วก็สร้างสนามใหม่เพื่อรองรับบอลโลก

เมื่อปี คริสต์ศักราช๒๐๐๘ ลุซนิกิสเตเดียม เคยถูกปรับปรุงขนานใหญ่เพื่อรองรับการประลอง บอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก นัดหมายชิงแชมป์ ระหว่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด รวมทั้งเชลซี ในปีเดียวกันสหพันธรัฐบอลยุโรป หรือยูฟ่า เข้าตรวจสอบสนามและก็จัดให้ลุซนิกิสเตเดียมอยู่ในระดับ “UEFA Category 4 Stadium" หรือ “สี่ดาว" อันเป็นระดับสูงสุดของสนามฟุตบอลตามมาตรฐานสหพันธรัฐบอลยุโรป


แม้กระนั้น เมื่อรัสเซียได้เป็นเจ้าภาพจัดบอลโลก ลุซนิกิสเตเดียมจะต้องปฏิบัติภารกิจเป็นสนามฟุตบอลหลัก เป็นสถานที่จัดพิธีการเปิดแล้วก็ปิดการประลองในปี คริสต์ศักราช๒๐๑๓ เจ้าของงานก็เลยตกลงใจซ่อมสนามครั้งใหญ่ มีการตีอรรธจันทร์ นำทางวิ่งออกเพื่อบรรยากาศการเชียร์ที่เข้มข้น รวมถึงแก้ไขระบบพลังงาน เปลี่ยนแปลงมาใช้หลอดไฟฟ้าแบบ แอลอีดีทั่วสนามรวมทั้งใช้เทคโนโลยีออมการใช้น้ำที่มีคุณภาพจนถึงเสร็จเมื่อปลาย คริสต์ศักราช๒๐๑๗


จากสนาม “ชามยักษ์" เปลี่ยนเป็นสนามทรงครึ่งโดมนำสมัย เพิ่มเติมหลังคาปกคลุมอรรธจันทร์ขนาดใหญ่ทุกด้านงามยิ่งนักยามตกแต่งแสงสว่างสีธงชาติรัสเซียกลางคืน


หากแม้เวลาจะผ่านไปนานสักเท่าไหร่ ชื่อสนามจะแปลงจากสนามกีฬากึ่งกลางเลนินมาเป็นลุซนิกิ แต่ว่าสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นรูปปั้น วลาดีมีร์ เลนิน นักปฏิวัติคนสำคัญตั้งอยู่รอบๆหน้าสนาม